CRM คือระบบการจัดการลูกค้า (Customer Relationship Management) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารจัดการกับข้อมูลลูกค้าและความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่สำคัญ เช่น ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการซื้อสินค้า การติดต่อกับลูกค้า และอื่นๆ เพื่อทำการวิเคราะห์และกำหนดยุทธการในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด


 

คุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มคุณภาพการบริการลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของคุณใช่ไหม หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นคือการใช้ระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ CRM

คุณเคยได้ยินเรื่อง CRM หรือไม่? ไม่ต้องกังวลเรามีข้อมูลเพียงพอที่จะช่วยคุณ ระบบ CRM (Customer Relationship Management) คือวิธีในการจัดระเบียบและบริหารข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

ระบบ CRM ที่ดีจะช่วยคุณติดตามลูกค้าและความต้องการของพวกเขา เพื่อให้บริการที่ยอดเยี่ยมและรู้จักพวกเขาได้อย่างแท้จริง ช่วยคุณเห็นประวัติการซื้อของพวกเขา บันทึกการสื่อสาร รายละเอียดส่วนบุคคล และอื่น ๆ ทั้งหมดในที่เดียว

ด้วยระบบ CRM คุณจะไม่ต้องค้นหาข้อมูลหรือลืมรายละเอียดลูกค้าที่สำคัญอีกต่อไป คุณจะได้รับข้อมูลคุ้มค่าเพื่อให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มมูลค่าของลูกค้าในระยะยาว

  • CRM Marketing คืออะไร
  • ​​​​​​​CRM ควรมีระบบอะไรบ้าง
  • การกำหนดระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • ความสำคัญของ CRM สำหรับธุรกิจ
  • กลยุทธ์และวิธีการที่ดีที่สุดในการใช้ CRM
  • การเลือกซอฟต์แวร์ CRM ที่เหมาะสม

CRM Marketing คืออะไร

CRM Marketing คือการใช้ระบบ CRM เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและสื่อสารกับลูกค้า ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าให้เหมาะสมกับความต้องการและความสนใจของลูกค้า รวมถึงส่งเสริมการซื้อสินค้าหรือบริการจากธุรกิจ

การทำระบบสะสมแต้ม (Loyalty Program) มีผลดีต่อธุรกิจในหลากหลายด้าน เช่น:

​​​​​​​    1. สร้างความภูมิใจและความผูกพันกับลูกค้า: การให้สิทธิประโยชน์และสะสมแต้มให้กับลูกค้าทำให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับการนับถือและคำนึงถึงจากธุรกิจ ซึ่งช่วยสร้างความภูมิใจและความ

​​​​​​​    2. พึงพอใจส่งเสริมการซื้อสินค้าและบริการ: ลูกค้ามักมีความคืบหน้าในการสะสมแต้มเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าหรือบริการในครั้งถัดไป ซึ่งส่งเสริมให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการกับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

​​​​​​​    3. สร้างลูกค้าซ้ำซ้อน: การให้สิทธิประโยชน์และสะสมแต้มเป็นวิธีที่ดีในการสร้างลูกค้าซ้ำซ้อน ซึ่งลูกค้าซ้ำซ้อนมักจะมีความคืบหน้าในการซื้อสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง

​​​​​​​    4. สร้างความแตกต่างในตลาด: ระบบสะสมแต้มสามารถเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกต่างของธุรกิจในตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับธุรกิจในสายงานที่มีคู่แข่งคู่มือหลายราย


​​​​​​​ตัวอย่างการใช้ CRM กับ Ecommerce: เมื่อลูกค้าทำการซื้อสินค้าหรือบริการที่เว็บไซต์ Ecommerce ลูกค้าจะได้รับการสะสมแต้มตามยอดการซื้อ ซึ่งสามารถใช้แต้มเหล่านี้ในครั้งถัดไป และยังรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมต่างๆ เช่น ส่วนลดสินค้า บริการฟรี หรือโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆ ที่เฉพาะกับลูกค้าที่สะสมแต้มมากๆ
​​​​​​​

​​​​​​​CRM ควรมีระบบอะไรบ้าง

CRM ควรมีระบบที่สำคัญและมีประสิทธิภาพต่อการบริหารจัดการลูกค้า ได้แก่:
 

    1. การจัดเก็บข้อมูลลูกค้า: ระบบ CRM ควรมีการจัดเก็บและบันทึกข้อมูลลูกค้าที่ครบถ้วนและสามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ประวัติการซื้อสินค้า การติดต่อกับลูกค้า เป็นต้น

    2. การติดตามกิจกรรมลูกค้า: CRM ควรมีระบบในการติดตามและบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับลูกค้า เช่น การโทรหาลูกค้า การส่งอีเมล การเยี่ยมชมลูกค้า เป็นต้น

​​​​​​​    3. การวิเคราะห์ข้อมูล: CRM ควรมีระบบที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้เกิดความเข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้าและตัวเลือกที่เหมาะสมในการสื่อสารกับลูกค้า

    4. การจัดการกับภาพรวมของลูกค้า: CRM ควรมีระบบที่ช่วยในการจัดการกับภาพรวมของลูกค้า เพื่อให้ทีมงานและผู้บริหารสามารถมองเห็นภาพรวมของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกค้า

    5. การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า: CRM ควรมีระบบที่ช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพ เช่น การส่งอีเมลตามกลุ่มลูกค้า การส่งข้อความ SMS เป็นต้น

​​​​​​​    6. การจัดการกับสัญญาณเตือน: CRM ควรมีระบบที่สามารถตรวจจับและแจ้งเตือนให้ทราบเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เช่น การชำระเงินไม่ถูกต้อง การติดต่อกับลูกค้าที่ขาดหาย เป็นต้น

​​​​​​​    7. การจัดการกับกลุ่มลูกค้า: CRM ควรมีระบบที่ช่วยในการจัดการกับกลุ่มลูกค้าเพื่อให้สามารถส่งข้อความและโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มลูกค้าได้ ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

​​​​​​​    8. การจัดการกับธุรกิจร่วมกับบริษัทคู่ค้า: CRM ควรมีระบบที่ช่วยในการจัดการกับธุรกิจร่วมกับบริษัทคู่ค้า เพื่อให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

​​​​​​​    9. การจัดการกับระบบการขาย: CRM ควรมีระบบที่ช่วยในการจัดการกับระบบการขาย เพื่อให้ทราบถึงสถานะการขายและข้อมูลที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอน

​​​​​​​    10. การจัดการกับส่วนตัวของลูกค้า: CRM ควรมีระบบที่ช่วยในการจัดการกับข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเพื่อให้การสื่อสารและการทำงานเป็นไปอย่างน่าเชื่อถือและเป็นส่วนตัว


​​​​​​​​​​​​​​สรุปได้ว่า CRM เป็นระบบที่สำคัญและมีประสิทธิภาพต่อการบริหารจัดการลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจมีการติดต่อและสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจมีการวิเคราะห์ข้อมูลและการบริหารจัดการกับภาพรวมของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
​​​​​​​​​​​​​​

การกำหนดระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า

การใช้ระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า หมายถึงกลยุทธ์และเทคโนโลยีที่บริษัทใช้ในการบริหารและวิเคราะห์การติดต่อและข้อมูลของลูกค้าตลอดรอบชีวิตของลูกค้า


เป้าหมายของ CRM:
​​​​​เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ในธุรกิจ โดยการปรับปรุงวิธีการคุ้มครอง, วิเคราะห์, และใช้ข้อมูลลูกค้าคุณสามารถให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น, เพิ่มยอดขาย, และเพิ่มความภักดีและการความเชื่อในลูกค้า


​​​​​​​CRM ช่วยคุณได้อย่างไร:

  1. รวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลายทักษะเช่นเว็บไซต์ของคุณ, อีเมล, โซเชียลมีเดีย, และศูนย์โทรคมนาคมเพื่อให้ได้ภาพรวมทั้งรอบ 360 องศาของลูกค้า

  2. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้ความรู้เกี่ยวกับลูกค้าเพื่อที่คุณจะสามารถปรับใช้การตลาด, ผลิตภัณฑ์, และบริการของคุณให้ดียิ่งขึ้น ดูความสนใจ, พฤติกรรม, และความชอบของพวกเขา

  3. บริหารการติดต่อและการสื่อสารของลูกค้าในช่องทางต่าง ๆ รักษาบันทึกของการสนทนาที่ทำในที่เดียวและดำเนินการต่อจากที่คุณหยุด

  4. เพิ่มความมีประสิทธิภาพและผลิตภาพ อัตโนมัติงานเช่นการแจ้งเตือนนัดหมาย, อีเมลติดตาม, และการจับกุมข้อมูลเพื่อให้ทีมของคุณสามารถใช้เวลากับงานที่สำคัญมากขึ้น

  5. ปรับปรุงการทำนายและการตัดสินใจ ใช้ข้อมูลประวัติและแนวโน้มในการตัดสินใจของข้อมูลเพื่อสรรหาทรัพยากร, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, การจ้างงาน, และกลยุทธ์การเติบโต


​​​​​​​สรุปข้างบน CRM ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าในทุกขั้นตอน โดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูลลูกค้า ธุรกิจสามารถให้บริการการสื่อสารที่ปรับให้เหมาะกับความคาดหวังของลูกค้าวันนี้ ซึ่งนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้าสูงขึ้น, ความภักดีมากขึ้น, และยอดขายมากขึ้น

ความสำคัญของ CRM สำหรับธุรกิจ

แพลตฟอร์ม CRM เป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจ นี่คือเหตุผลบางอย่างที่ CRM มีความสำคัญอย่างมาก:


การรักษาลูกค้าที่มีอยู่:

การรักษาลูกค้าที่มีอยู่มีความคุ้มค่ามากกว่าการเพิ่มลูกค้าใหม่ ระบบ CRM ที่ดีช่วยให้คุณติดต่อกับลูกค้า แสดงความต้องการของพวกเขา และเสริมความสัมพันธ์ของคุณ สิ่งเล็ก ๆ เช่น การส่งอีเมลวันเกิด หรือมอบของขวัญเป็นคะแนนสะสม ช่วยแสดงถึงความใส่ใจต่อลูกค้า
 

การบริการลูกค้าที่ดีขึ้น:

ด้วยมุมมองโดยรวมของประวัติการติดต่อ ความชอบ และการสื่อสารของลูกค้าแต่ละราย ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนบริการให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละท่านได้ ทีมของคุณจะมีบริบทที่ครบถ้วนในการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาโดยการตอบสนองอย่างเป็นระบบ
 

ประสิทธิภาพขายที่ดีขึ้น:

เครื่องมือ CRM ช่วยทีมขายในการบันทึกการโทร กำหนดตารางการติดตาม และแบ่งปันข้อมูล ลดเวลางานด้านการบริหารและเพื่อใช้เวลากับการขายได้มากขึ้น ทีมขายยังสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการเสริมได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อรายได้ในทางบวก
 

ข้อมูลทางธุรกิจที่มีค่า:

ข้อมูลทั้งหมดใน CRM ของคุณ ตั้งแต่รายละเอียดของการติดต่อ ประวัติการสั่งซื้อของลูกค้า อื่น ๆ  เป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่า คุณสามารถวิเคราะห์แนวโน้ม ระบุลูกค้าสำคัญของคุณ และช่วยในการตัดสินใจโดยการใช้ข้อมูลที่มีในการปรับปรุงการตลาด ผลิตภัณฑ์ และบริการของคุณได้
​​​​​​​

ในโลกดิจิทัลปัจจุบันธุรกิจต้องมุ่งเน้นในการสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงและยืนยาวกับลูกค้า การลงทุนในแพลตฟอร์ม CRM ที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น ให้คิดเสมอว่าลูกค้าของคุณคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดสำหรับคุณ ด้วย CRM ที่เหมาะสมคุณจะมีข้อมูลและเครื่องมือในการให้บริการแก่ลูกค้าเป็นอย่างดี

กลยุทธ์และวิธีการที่ดีที่สุดในการใช้ CRM

เมื่อคุณเข้าใจว่า CRM คืออะไร ขั้นตอนถัดไปคือการนำกลยุทธ์และวิธีการที่ดีที่สุดมาใช้เพื่อปรับปรุงสำหรับธุรกิจของคุณ ​​​​​​​คำแนะนำบางส่วนด้านล่าง:


​​​​​​​​​​​​​เลือกแพลตฟอร์ม CRM:

มีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่เครื่องมือการจัดการข้อมูลติดต่อที่เรียบง่าย ไปจนถึงสิ่งที่มีความซับซ้อนในระดับองค์กร สำหรับบริษัทขนาดเล็กสามารถใช้เครื่องมือเช่น HubSpot หรือ Zoho CRM ที่ง่ายต่อการใช้งาน แต่สำหรับบริษัทใหญ่อาจต้องการคุณสมบัติขั้นสูงของ Salesone, Salesforce หรือ Microsoft Dynamics ควรคิดให้ดีเกี่ยวกับความต้องการและงบประมาณของคุณเพื่อเลือกใช้ตัวเลือกที่เหมาะสม


กำหนดเป้าหมายของคุณ:

คุณต้องการปรับปรุงการจัดการกับกลุ่มลูกค้ามั้ย เพิ่มยอดขาย หรือเพิ่มความพึงพอใจในการบริการลูกค้า? การกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงจะช่วยให้คุณกำหนดว่าจะต้องติดตามข้อมูลอะไรและวิธีการวัดความสำเร็จ บางทีเป้าหมายของคุณอาจเป็นการเพิ่มลูกค้าที่กลับมาใช้บริการอีก 25% ในระยะ 6 เดือน ดังนั้น CRM ของคุณจะสามารถเน้นการติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อของลูกค้า บันทึกการสื่อสาร และวันที่ติดต่อครั้งถัดไป
 

บันทึกข้อมูลลูกค้าที่เกี่ยวข้อง:

บันทึกเฉพาะข้อมูลที่จะช่วยให้คุณในการปรับปรุงเป้าหมายของคุณ เช่น สำหรับการขาย บันทึกรายละเอียดเช่น ชื่อบริษัท ผู้ติดต่อสำคัญ ผลิตภัณฑ์ที่สนใจ สำหรับการบริการ บันทึกรายละเอียดตั๋วสนับสนุน หมายเลขกรณี และผลลัพธ์ รักษารายละเอียดเป็นอย่างสรุปและหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ล้าสมัยหรือไม่เกี่ยวข้อง
 

เพิ่มการแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเป็นไปได้:

ใช้คุณสมบัติของ CRM เพื่อการแจ้งเตือนอัตโนมัติ ข้อความแจ้งเตือน และการติดตาม ตั้งค่าขั้นตอนการทำงานเพื่อส่งอีเมลขอบคุณโดยอัตโนมัติหลังจากมีการสั่งซื้อ การแจ้งเตือนให้ติดต่อกับลูกค้าที่ไม่มีกิจกรรมเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือการแจ้งเตือนเมื่อลูกค้าครบกำหนดในการ Renew บริการหรือสมาชิก จะช่วยลดเวลาในการทำงานของคุณ


ตรวจสอบและปรับปรุง:

วิเคราะห์ข้อมูลใน CRM ของคุณเป็นประจำ เพื่อดูว่าอะไรที่ทำงานและไม่ทำงาน ค้นหาแนวโน้มในตัวชี้วัดและ KPI ดูว่าเป้าหมายของคุณกำลังดำเนินการอย่างไร จากนั้นปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ขั้นตอนการทำงาน และคุณสมบัติตามต้องการเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จของ CRM
 

ด้วยกลยุทธ์และเครื่องมือที่ถูกต้อง CRM สามารถกลายเป็นศูนย์กลางของความสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณ ช่วยเพิ่มยอดขาย เพิ่มความพึงพอใจ และรับข้อมูลทางธุรกิจที่มีค่าได้อย่างมีคุณค่า แต่คุณต้องทำการบริหารจัดการ การตรวจสอบบ่อย ๆ และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น​​​​​​​
​​​​​​​

การเลือกซอฟต์แวร์ CRM ที่เหมาะสม

การเลือกซอฟต์แวร์ CRM ที่เหมาะกับความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด มีหลายตัวเลือกให้เลือก ดังนั้นใช้เวลาในการประเมินแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น:


ค่าใช้จ่าย:
ซอฟต์แวร์ CRM มีราคาตั้งแต่แพลตฟอร์มแบบฟรีไปจนถึงโซลูชันองค์กรแพง ๆ โดยเลือกตัวเลือกที่เข้ากับงบประมาณของคุณและมีคุณสมบัติที่คุณต้องการ รวมถึงเรื่องความปลอดภัย

ความง่ายในการใช้:
ซอฟต์แวร์ควรใช้งานง่าย และง่ายต่อการค้นหา หากมีความซับซ้อนเกินไป ทีมของคุณอาจจะไม่ใช้เพราะใช้งานยาก

การปรับแต่ง:
ทุกธุรกิจมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นคุณต้องการ CRM ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับกระบวนการและการทำงานของคุณ เช็คดูชนิดของฟิลด์ที่สามารถปรับแต่ง มุมมอง และกฎที่แพลตฟอร์มอนุญาต

​​​​​​​การผสมผสาน:
CRM ของคุณควรผสมผสานกับเครื่องมืออื่น ๆ ที่คุณใช้ได้ เช่น การตลาดทางอีเมล บัญชีและซอฟต์แวร์การจัดการโครงการ ตรวจสอบว่า CRM มีการผสมผสานที่พร้อมใช้งานหรือไม่ หรือสามารถเชื่อมต่อกับ API ที่คุณต้องการได้

ความสามารถในการขยายขนาด:
เลือก CRM ที่สามารถขยายขนาดพร้อมกับธุรกิจของคุณ ควรสามารถจัดการลูกค้า บัญชี และคุณสมบัติเพิ่มเติมเมื่อธุรกิจของคุณขยายตัว

ความเคลื่อนไหว:
ในโลกปัจจุบันคุณต้องการ CRM ที่ทำงานได้ดีเหมือนอยู่ในสถานที่ทำงาน เช่น ในสำนักงาน ควรประเมินแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ และเพื่อให้ทีมของคุณสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญและอัปเดตข้อมูลได้จากทุกที่

รายงานและการวิเคราะห์:
เครื่องมือรายงานช่วยคุณในการเข้าใจข้อมูลที่มีค่าของธุรกิจและความสัมพันธ์กับลูกค้า ค้นหา CRM ที่มีรายงานแบบกำหนดเอง แดชบอร์ด และการวิเคราะห์เพื่อค้นหาแนวโน้มและรูปแบบ

​​​​​​​การประเมิน CRM อย่างละเอียดจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าคุณจะได้รับเครื่องมือที่ตรงกับความต้องการปัจจุบันและมีพื้นที่ให้เติบโตในอนาคต ซอฟต์แวร์ CRM ที่คุณเลือกสามารถทำให้ความสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณสำเร็จหรือล้มเหลว เพราะฉะนั้นควรใช้เวลาในการค้นหาตัวเลือกที่เหมาะกับธุรกิจที่ของคุณ ด้วยแพลตฟอร์มที่เหมาะสม คุณจะก้าวลุ้นสู่ความเข้าใจลูกค้าที่ดียิ่งขึ้นและการบริการที่ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ