ทำเว็บไซต์ด้วย Magento: ข้อดีและข้อเสีย และทางลือกใหม่ที่ดีกว่า
Magento เป็นระบบการสร้างเว็บไซต์และระบบ Ecommerce ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงกว้าง มีความสามารถในการสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูง แต่ก็มีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ Magento ในการสร้างเว็บไซต์ของคุณ
ข้อดีของ Magento
ข้อเสียของ Magento ที่เจอได้บ่อย
ในขณะที่ Magento เป็นระบบที่มีความสามารถในการสร้างร้านค้าออนไลน์ที่มีธุรกิจใช้งานเยอะ เพราะทำมานาน แต่ก็ยังมีข้อเสียบางอย่างที่ควรพิจารณาก่อนการใช้งาน เช่น:
ความช้าในการทำงานหากเริ่มสินค้ารายการมากขึ้น:
Magento อาจมีปัญหาในความช้าในการทำงานเมื่อมีจำนวนสินค้ารายการที่มาก เนื่องจากการจัดการข้อมูลสินค้าในระบบอาจเป็นไปได้ที่ซับซ้อนและทำให้ระบบทำงานช้าลง
ปัญหาของโครงสร้างหลัก: ภาษาที่ใช้ในการพัฒนาและโครงสร้างที่ไม่รองรับ Native cloud
Magento มีโครงสร้างหลักที่อาจทำให้การพัฒนาและปรับปรุงระบบเป็นไปได้ที่ซับซ้อนและยากลำบาก นอกจากนี้ Magento ไม่ได้เป็นระบบที่รองรับ Native cloud ทำให้การย้ายไปใช้บนระบบคลาวด์นั้นอาจมีความยุ่งยาก และใช้ระบบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ความต้องการทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่มาก:
Magento มีความต้องการในทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่มาก เนื่องจากการทำงานแบบ On-Premise ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมและมีความสามารถในการรองรับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่
ข้อจำกัดในการอัปเกรดระบบ:
Magento อาจมีข้อจำกัดในกระบวนการอัปเกรดระบบ ทำให้ควรให้ความสำคัญในการวางแผนและการตรวจสอบระบบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการอัปเกรดในภายหลัง
ข้อจำกัดในการติดตั้งธีมและเทมเพลต:
การติดตั้งธีมและเทมเพลตใน Magento อาจเป็นไปได้ที่ซับซ้อนและต้องใช้ทรัพยากรความสามารถสูงในการปรับแต่งร้านค้าให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ
SAAS ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า
ในปัจจุบัน ระบบ SAAS (ซอฟต์แวร์เป็นบริการ) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเมื่อเปรียบเทียบกับระบบ On-Premise ที่มีต้นทุนในการซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เหตุผลที่ระบบ SAAS ได้รับความนิยมมากขึ้นคือดังนี้:
ความสะดวกสบายในการเริ่มต้นใช้งาน:
ระบบ SAAS มักมีขั้นตอนในการเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายและไม่ซับซ้อน คุณสามารถเข้าถึงและใช้งานระบบได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการติดตั้งและกำหนดค่าอย่างซับซ้อน
ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าและเปลี่ยนแปลงได้:
ระบบ SAAS มักมีค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนซึ่งทำให้ง่ายต่อการกำหนดงบประมาณ นอกจากนี้ยังไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและเลือกใช้งานระบบตามความต้องการของธุรกิจ
มีมาตรการความปลอดภัยที่มั่นคง:
ระบบ SAAS มักมีมาตรการความปลอดภัยที่มั่นคงเพิ่มเติม ผู้ให้บริการระบบ SAAS มักมีการใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสและมาตรการความปลอดภัยที่ทันสมัย ทำให้การเก็บรักษาข้อมูลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ใช้เป็นไปอย่างปลอดภัย
ไม่ต้องรับผิดชอบในการดูแลรักษาและอัปเดตซอฟต์แวร์:
ระบบ SAAS ทำให้คุณไม่ต้องมีความรับผิดชอบในการดูแลรักษาและอัปเดตซอฟต์แวร์เอง เนื่องจากทุกอย่างถูกดูแลรักษาโดยผู้ให้บริการ ทำให้คุณสามารถโฟกัสในกิจการหลักของคุณได้อย่างเต็มที่
ความยืดหยุ่นในการขยายธุรกิจ:
ระบบ SAAS มีความยืดหยุ่นในการขยายธุรกิจของคุณโดยไม่มีข้อจำกัดในการปรับแต่งและเพิ่มเติมฟีเจอร์ ทำให้คุณสามารถปรับปรุงและเพิ่มฟังก์ชั่นตามความต้องการของธุรกิจได้ตลอดเวลา
สรุป: ในปัจจุปัน SAAS เป็นที่นิยมมากกว่าระบบ On-Premise (Magento)
ด้วยความสะดวกสบายในการใช้งาน ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าและเปลี่ยนแปลงได้ และมาตรการความปลอดภัยที่มั่นคง เป็นสาเหตุที่ระบบ SAAS ได้รับความนิยมมากกว่าระบบ On-Premise (Magento) ในปัจจุบัน
และก็มี ผู้ให้บริการ หลายเจ้าในประเทศ อาทิเช่น Salesone.co
การเลือกใช้ระบบ Ecommerce ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณควรพิจารณาให้ดีว่าระบบใดเป็นที่เหมาะสมกับความต้องการและข้อจำกัดของธุรกิจของคุณก่อนตัดสินใจใช้งาน