เปรียบเทียบระบบ SAAS (SALESONE) กับ ON PERMISE (Magento, Wordpress,Wordpress และระบบอื่นๆ)
Salesone Platform SAAS มีข้อดีต่างจาก On Permise (การติดตั้งระบบแยกส่วน สำหรับลูกค้าแต่ละเจ้า) อย่างไร
Platform SAAS มีการวาง Stack Cloud Native ที่มีความซับซ้อนรองรับการแยกส่วนการทำงาน(Microservice) โดยส่งข้อมูลไปประมวลผลตามเซอร์วิส หรือ ระบบที่ชำนาญการในการประมวลผลข้อมูลแต่ละประเภท
เพื่อไม่ให้เป็นคอขวด การวางระบบในลักษณะนี้ เป็นมาตรฐาน ที่ ใช้ในการพัฒนา Platform ระบบโลกซึ่งจะมีจ่ายใช้จ่ายในเรื่องระบบเซิพเวอร์ค่อนข้างสูง
ลักษณะการทำงานแบบนี้จึงไม่เหมาะกับการให้ลูกค้าดูแลเอง เพราะจะไม่คุ้มค่าใช้จ่ายเรื่องเซิพเวอร์ จะต้องใช้ต้นทุน เรื่องคนในการดูแลระบบสูง
รูปแบบ Stack ของ Salesone Platform
On permise (การติดตั้งระบบแยกส่วน สำหรับลูกค้าแต่ละเจ้า)
ข้อดีค่าใช้จ่ายถูก สามารถใช้งานกับ เว็บไซต์ข้อมูลข่าวสาร ทั่วไป หรือ เว็บ Ecommerce. ที่ไม่ซับซ้อน หรือสินค้าไม่มาก
ข้อเสีย ไม่เหมาะกับ เว็บที่มีข้อมูลมาก , เว็บEcommerce ที่มีฟังก์ชั่นหลายๆอย่าง,ระบบจอง,web application , การทำระบบ API
เมื่อข้อมูลเริ่มเยอะ หรือใช้ไปสักพักระบบจะเริ่มช้าลง ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปที่พบได้บ่อยของ ระบบ Magento ,Wordpress, Woo commerce เร็วๆช้าๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเร็วเพราะการเก็บ Cache
พออยู่ในขั้นตอนที่ใช้ค่า Cache ไม่ได้เช่นขั้นตอน การประมวลผล Add to cart หรือ ระบบค้นหา, Filter ระบบจะทำงานช้ามาก ซึ่งไม่สามารถสร้างประสบการณ์ในการสั่งซื้อที่ดีได้ ให้แก่ผู้ใช้งานได้
ในปัจจุบันมีการใช้งานเว็บไซต์ในระบบที่มีความหลากหลาย เช่น ระบบ Ecommerce ,ระบบ CRM , ระบบบัญชี ,POS ,ระบบจองโรงแรม การเชื่อมต่อ API การจัดการข้อมูลจำนวนมากๆ ที่มีความซับซ้อนกว่าเดิม
ซึ่งแต่ต่างกับการใช้งานแบบเมื่อก่อน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นแค่ การ Hosting เว็บข้อมูลบริษัท ที่ใช้เซิพเวอร์ ตัวหรือสองตัวในการรันระบบ หรือ ใช้ระบบ Ecommerce พอดีสินค้าหรือ ข้อมูลเริ่มเยอะ
เว็บไซต์ ก็จะเริ่มช้า และ การใช้บริการ ที่เป็น Platform SAAS จึงเป็น trend ที่หลายๆองค์กร Big tech ระดับโลกเลือกใช้
และสามารถ เทียบข้อดี ข้อเสีย Salesone กับ Shopify ได้จาก ที่นี่