Influencer Marketing
Influencer Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดที่ใช้บุคคลที่มีอิทธิพลในสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกว่า "Influencers" เป็นตัวกลางในการโฆษณาและโปรโมตสินค้าหรือบริการ โดยให้ Influencer นำเสนอและแนะนำสินค้าหรือบริการของบริษัทในรูปแบบที่มีผลต่อกลุ่มเป้าหมายของพวกเขา ซึ่งมักเป็นผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามสูงในโซเชียลมีเดีย โดยใช้ช่องทางสื่อสังคมของพวกเขา เช่น บล็อก, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย, วิดีโอบน YouTube, หรือโพสต์บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ
Influencer Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ความน่าเชื่อถือและอิทธิพลของ Influencers ในการสร้างความสนใจและความไว้วางใจในสินค้าหรือบริการของพวกเขา นี่เป็นวิธีการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคดิจิทัลและสามารถสร้างผลกระทบให้กับการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประเภทของ Influencer Marketing
- มีวิธีวัดผล การตลาด Influencer Marketing อย่างไร
- แนวโน้มการตลาด Influencer Marketing ในปี 2023
- การทำการตลาด Influencer Marketing มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
- ตัวอย่างการทำ Influencer Marketing ที่ประสบความสำเร็จ
- สรุปการทำการตลาด Influencer Marketing
ประเภทของ Influencer Marketing
Influencer Marketing มีประเภทหลักๆ ดังนี้:
• คนดัง/คนสำคัญ (Celebrities): คือ บุคคลที่มีชื่อเสียงและความน่าสนใจในสังคม ซึ่งมักมีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียมากๆ เช่น นักแสดง นักร้อง นักกีฬา เป็นต้น
• มาโครอินฟลูเอนเซอร์ (Macro-influencers): คือ บุคคลที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียอยู่ในระดับสูง แต่ไม่ได้มีชื่อเสียงในระดับของคนดัง เช่น บล็อกเกอร์ นักแสดง เป็นต้น
• ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ (Micro-influencers): คือ บุคคลที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียอยู่ในระดับน้อย แต่มีความน่าสนใจและมีอิทธิพลกับกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มที่เฉพาะเจาะจง
• นาโนอินฟลูเอนเซอร์ (Nano-influencers): คือ บุคคลที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียในระดับน้อยมาก แต่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มตัวเองอย่างใกล้ชิด และมีผู้ติดตามที่มีความน่าสนใจในเนื้อหาที่นำเสนอ
มีวิธีวัดผล การตลาด Influencer Marketing อย่างไร
การวัดผลในการตลาด Influencer Marketing สามารถทำได้โดยใช้วิธีต่อไปนี้:
• จำนวนผู้ติดตาม (Follower Count): วัดจำนวนผู้ติดตามในโปรไฟล์ของอินฟลูเอนเซอร์ เป็นตัวบ่งชี้เบื้องต้นของการกระทำต่อไป เมื่อมีจำนวนผู้ติดตามมาก อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการถึงกลุ่มเป้าหมายในปริมาณมากขึ้น
• การมีส่วนร่วม (Engagement Rate): คำนวณอัตราการตอบโต้หรือการตอบกลับจากผู้ติดตามในระบบโซเชียลมีเดีย เช่น ความถี่ในการกดไลค์ ความถี่ในการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น อัตราการตอบโต้สูงแสดงถึงความน่าสนใจในเนื้อหาที่อินฟลูเอนเซอร์นำเสนอ
• ความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย (Relevance): ตรวจสอบความเกี่ยวข้องระหว่างเนื้อหาที่อินฟลูเอนเซอร์นำเสนอและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ เนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสที่จะส่งเสริมการตอบโต้และการสนับสนุนกลุ่มเป้าหมาย
• ผลกระทบต่อการขาย (Sales Impact): วัดผลกระทบทางธุรกิจที่เกิดขึ้นหลังจากการทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ อาจใช้รหัสส่วนลดหรือลิงก์พาร์ทเนอร์เพื่อติดตามรายการสั่งซื้อที่เกิดขึ้นหลังจากการโฆษณาของอินฟลูเอนเซอร์
• ภาพลักษณ์แบรนด์ (Brand Image): สำรวจความรู้สึกและความคิดเห็นที่เกิดขึ้นกับแบรนด์หลังจากการทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ เนื้อหาที่นำเสนออาจมีผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
• ส่วนแบ่งทางธุรกิจ (ROI - Return on Investment): วัดผลตามมูลค่าที่ลงทุนในการทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ เปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับเพื่อประเมินความสำเร็จในการลงทุน
• การสร้างความน่าสนใจ (Brand Awareness): วัดผลการเพิ่มขึ้นของความรู้จักและความน่าสนใจในแบรนด์ที่เกิดขึ้นหลังจากการทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์
แนวโน้มการตลาด Influencer Marketing ในปี 2023
• การใช้ช่องทางอื่นๆ: จากเดิมที่เป็นการใช้งานบนโปรไฟล์โซเชียลมีเดียหลัก คาดว่าในปี 2023 จะมีการใช้งาน Influencer Marketing บนแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น TikTok, YouTube, Twitter, และ Pinterest เพิ่มขึ้น
• การใช้งานในธุรกิจที่แตกต่างกัน: ไม่เพียงแค่ธุรกิจในกลุ่มเดิมที่มากขึ้นใช้งาน Influencer Marketing แต่ยังมีการเปิดโอกาสให้ธุรกิจในกลุ่มที่แตกต่างกัน เช่น ธุรกิจ B2B, ธุรกิจท่องเที่ยว, และสินค้าเครื่องสำอาง เพื่อเสริมสร้างการตลาดและการโฆษณาของพวกเขา
• การใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือตลาด: สำหรับธุรกิจที่ใช้ Influencer Marketing โซเชียลมีเดียจะเป็นเครื่องมือหลักในการตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสในการถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทันสมัย
• การเปิดรับความร่วมมือกับผู้รับ Influencer: สำหรับธุรกิจที่ใช้ Influencer Marketing อาจมีการเปิดรับความร่วมมือกับผู้รับส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความน่าสนใจและเชื่อมโยงกลุ่มเป้าหมายให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขา
• การใช้ข้อมูลและการวัดผล: ในปี 2023 คาดว่าการใช้ข้อมูลและการวัดผลจะมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจในการทำ Influencer Marketing เพื่อให้การตลาดมีประสิทธิภาพและส่งผลลัพธ์ที่ดี
การทำการตลาด Influencer Marketing มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
การทำการตลาด Influencer Marketing มีข้อดีและข้อเสียดังนี้:
ข้อดี:
1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความน่าเชื่อถือ: Influencers มีอิทธิพลในกลุ่มเป้าหมายและมีความน่าเชื่อถือ การทำ Influencer Marketing ช่วยให้สินค้าหรือบริการของคุณได้รับความนิยมและความไว้วางใจ
2. สร้างความรู้สึกส่วนบุคคล: การติดต่อผ่าน Influencers ช่วยสร้างความสัมพันธ์และความใกล้ชิดกับลูกค้า เพราะ Influencers มักมีการสื่อสารในรูปแบบที่เป็นมิตรและคนไว้วางใจ
3. เพิ่มการรับรู้และยอดขาย: การโฆษณาผ่าน Influencers ช่วยเพิ่มการรับรู้และยอดขาย โดยเฉพาะในสินค้าหรือบริการที่เป็นความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
4. เนื้อหาที่มีคุณภาพ: Influencers มักสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณภาพ เพื่อดึงดูดผู้ติดตามของพวกเขา ทำให้สินค้าหรือบริการของคุณตกแต่งในแง่ดี
5. ควบคุมการโฆษณา: คุณมีความควบคุมในการกำหนดเงื่อนไขและขอบเขตในการโฆษณาผ่าน Influencers ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมความสม่ำเสมอและคุณภาพของโฆษณา
ข้อเสีย:
1. ค่าใช้จ่าย: การทำ Influencer Marketing อาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดย Influencers ที่มีชื่อเสียงมักต้องการค่าตอบแทนที่สูง
2. การเลือก Influencers ที่เหมาะสม: การเลือก Influencers ที่เข้ากันกับกลุ่มเป้าหมายและสินค้าของคุณอาจยาก และจะต้องใช้เวลาในการค้นหา
3. ข้อจำกัดในการควบคุม: คุณอาจไม่สามารถควบคุมเนื้อหาที่ Influencers สร้างในบางกรณี ทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องความสัมพันธ์และคุณภาพ
4. ความน่าเชื่อถือของ Influencers: บางครั้ง Influencers อาจไม่ถูกมองว่าน่าเชื่อถือ หรือมีเรื่องข้อพิพาทที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ
5. ความต้องการการจัดการ: การทำ Influencer Marketing ต้องการการจัดการและการติดตามในการวัดผล ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากร
ตัวอย่างการทำ Influencer Marketing ที่ประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างที่ 1: บริษัทเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดัง
บริษัทเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังในประเทศได้นำนักแสดงสาวหน้าใหม่ที่มีชื่อเสียงมาเป็น Influencer ในการโปรโมตสินค้าของพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย โดยนักแสดงจะแสดงเสื้อผ้าและสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้า ผลลัพธ์คือมีผู้ติดตามและลูกค้าที่สนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการขายเสื้อผ้าและสินค้าอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
ตัวอย่างที่ 2: ร้านอาหารญี่ปุ่น
ร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองใช้ Influencer ที่มีความนิยมในสังคมออนไลน์เพื่อโปรโมตอาหารและเมนูใหม่ ๆ ที่ร้านนั้นเสิร์ฟ นักแสดงจะทำการรีวิวและแนะนำอาหารด้วยวิธีที่น่าสนใจ สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ติดตาม ผลลัพธ์คือมีลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันของร้านนี้มากขึ้นอีกด้วย
ในทั้งสองตัวอย่างนี้ สามารถเห็นได้ว่า Influencer Marketing สามารถช่วยเสริมสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าหรือบริการ ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
สรุปการทำการตลาด Influencer Marketing
การใช้ Influencer ที่มีความนิยมสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสินค้าหรือบริการในหมู่ผู้บริโภค การตลาดผ่าน Influencer Marketing เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีและสร้างผลตอบรับที่ดีในสังคมออนไลน์ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ Influencer Marketing ย่อมมีข้อดีและข้อเสีย ซึ่งต้องคำนึงถึงดีเพื่อให้การตลาดนี้เป็นประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างดี